Date 2025-05-12 23:30:42

หน้าฝนคือช่วงเวลาท้าทายสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝนตกหนัก วิสัยทัศน์แย่ พื้นถนนลื่น และความเสี่ยงจากน้ำท่วมฉับพลัน ปัญหาเหล่านี้สามารถป้องกันได้ถ้าคุณเตรียมความพร้อมตั้งแต่ต้นด้วยการ ตรวจเช็คสภาพรถ อย่างละเอียด เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และไร้กังวล

เช็คลิสต์ 8 สิ่งที่คนขับต้องรู้ ก่อนเดินทางหน้าฝน

ในช่วงฤดูฝน การขับขี่อาจมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ ทั้งจากถนนลื่น ทัศนวิสัยต่ำ หรือสภาพรถที่ไม่พร้อม เพื่อความปลอดภัยและลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ คนขับควรเตรียมตัวให้พร้อมด้วยเช็กลิสต์สำคัญก่อนออกเดินทางในช่วงหน้าฝน


1. เช็คที่ปัดน้ำฝน

หากใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ จะทำให้มองเห็นถนนไม่ชัดเจนในขณะฝนตก ควรตรวจสอบว่ายังทำงานได้ดีหรือไม่ เสียงฝืดหรือรอยขีดบนกระจกเป็นสัญญาณว่าควรเปลี่ยนทันที

2. น้ำยาฉีดกระจกรถ

น้ำยาฉีดกระจกช่วยให้คุณมองเห็นถนนได้ชัดในขณะฝนตกหรือเวลามีฝุ่นละออง ควรเติมให้เต็มอยู่เสมอ และเลือกน้ำยาคุณภาพที่ไม่ทำลายพื้นผิวกระจก

3. ยางรถยนต์

ยางที่มีดอกยางลึกเพียงพอจะช่วยให้เกาะถนนได้ดี ลดการลื่นไถล ควร เช็คสภาพรถ โดยเฉพาะยางว่าไม่มีรอยแตก บวม หรือสึกหรอ และเติมลมยางให้เหมาะสมกับสเปกรถ

4. ระบบเบรก

เบรกเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการควบคุมรถ ควรตรวจสอบน้ำมันเบรก ระยะเบรก และเสียงผิดปกติ หากรู้สึกว่าเบรกมีอาการหน่วงหรือเบรกยาวกว่าปกติ ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการทันที

5. แบตเตอรี่

หน้าฝนมักมาพร้อมกับปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม ทำให้สตาร์ทรถยากหรือติดขัด ตรวจสอบอายุแบตฯ และระดับไฟฟ้า หากใช้มานานเกิน 2 ปีควรเตรียมเปลี่ยนหรือตรวจสภาพอย่างสม่ำเสมอ

6. ระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ

น้ำหล่อเย็นมีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิเครื่องยนต์ หากขาดหรือมีระดับต่ำเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและพังกลางทาง ควรเช็กเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล

7. ไฟหน้า และไฟท้าย

ไฟที่สว่างและชัดเจนช่วยให้มองเห็นได้ดี และผู้อื่นเห็นรถของคุณได้ชัดในฝนตก ตรวจสอบไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก และไฟฉุกเฉินว่าใช้งานได้ครบทุกดวง

8. ตรวจสอบเครื่องยนต์

ฟังเสียงผิดปกติ ตรวจเช็กการทำงานของเครื่องยนต์โดยรวม เช่น น้ำมันเครื่อง เข็มวัดรอบ และกลิ่นที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติ

จุดเสี่ยงที่ควรเลี่ยงจอดรถในช่วงพายุเข้า

จุดเสี่ยงที่ควรเลี่ยงจอดรถในช่วงพายุเข้า

แม้จะตรวจเช็คสภาพรถ มาดีแค่ไหน แต่หากจอดรถในจุดเสี่ยงช่วงที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง ก็ยังเสี่ยงต่อความเสียหายทั้งต่อรถและตัวผู้ขับขี่เอง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงบริเวณเหล่านี้อย่างเด็ดขาด

  1. เสาไฟฟ้า : อาจล้มได้ในพายุแรง โดยเฉพาะเสาที่เก่า สนิมกิน หรือมีสายไฟพาดจำนวนมาก หากเสาโค่นลงมา นอกจากรถจะเสียหายแล้วยังเสี่ยงต่อไฟฟ้าช็อตถึงชีวิต
  2. ป้ายโฆษณา : โดยเฉพาะป้ายขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไม่มั่นคง อาจปลิว พังถล่ม หรือกระแทกรถได้ในช่วงที่มีลมแรง
  3. ใต้ต้นไม้ : กิ่งไม้หักหรือต้นไม้ล้มคือสาเหตุหลักของอุบัติเหตุช่วงพายุ ควรหลีกเลี่ยงการจอดในที่มีต้นไม้สูง หรือใกล้กับต้นไม้ที่มีลักษณะเปราะบาง
  4. พื้นที่ต่ำกว่าระดับถนน : เช่น ใต้สะพาน หรือบริเวณที่มีน้ำท่วมซ้ำซาก เพราะน้ำสามารถท่วมรถจนดับ หรือทำให้เครื่องยนต์เสียหายถาวรได้
  5. ใกล้ฝาท่อระบายน้ำ : เมื่อเกิดฝนตกหนัก น้ำอาจดันฝาท่อให้เปิดออกโดยไม่รู้ตัว หากจอดทับอาจทำให้รถตกท่อ หรือเกิดความเสียหายจากน้ำย้อนขึ้นมา
  6. พื้นที่ที่ไม่มีแสงสว่าง : การจอดในที่มืดหรือไม่มีไฟส่องสว่างในยามค่ำคืน นอกจากเสี่ยงน้ำท่วมแล้ว ยังเสี่ยงต่อการถูกชนหรือเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนจากรถคันอื่น
    การหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยงเหล่านี้ เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญไม่แพ้การ เช็คสภาพรถ ก่อนขับขี่ เพื่อให้คุณและรถของคุณปลอดภัยจากภัยธรรมชาติในช่วงหน้าฝน

รวมอุปกรณ์สำคัญที่ควรมีติดรถไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

รวมอุปกรณ์สำคัญที่ควรมีติดรถไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

การเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า ย่อมดีกว่ารอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อน โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น รถเสียกลางทาง น้ำท่วม หรือไฟดับกลางคืน อุปกรณ์ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรมีติดรถไว้เสมอ

  1. เครื่องมือสำหรับทุบกระจก : เผื่อกรณีรถตกน้ำ หรือประตูและกระจกไม่สามารถเปิดออกได้ เครื่องมือนี้สามารถช่วยให้คุณหนีออกจากรถได้อย่างปลอดภัย แนะนำเลือกแบบที่สามารถพกพาง่าย และติดไว้ในตำแหน่งที่หยิบได้ทันที เช่น ข้างเบาะคนขับ
  2. สายพ่วงแบตเตอรี่ : หากรถแบตหมดกลางทาง สายพ่วงจะช่วยให้สามารถพ่วงไฟจากรถคันอื่นได้ทันที ไม่ต้องรอรถชาร์จหรือเสียค่าบริการฉุกเฉิน
    ยางอะไหล่และเครื่องมือเปลี่ยนยาง: ยางรั่วหรือตะปูตำอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ตรวจสอบว่ายางอะไหล่ยังอยู่ในสภาพดี พร้อมกับอุปกรณ์ เช่น แม่แรง และประแจขันล้อ
  3. ไฟฉาย : ในกรณีที่เกิดเหตุในที่มืด เช่น ขับกลางคืน ไฟถนนไม่เพียงพอ หรือจำเป็นต้องตรวจสอบใต้ท้องรถ แนะนำให้เลือกแบบ LED ที่มีความสว่างสูง และควรมีแบตเตอรี่สำรองหรือแบบชาร์จได้
  4. ชุดกล่องยาปฐมพยาบาล : ควรมีของจำเป็น เช่น ยาแก้ปวด ยาดม พลาสเตอร์ปิดแผล สำลี แอลกอฮอล์ และผ้าก๊อซ เพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บเล็กน้อยก่อนถึงโรงพยาบาล
  5. เสื้อกันฝนหรือร่มพับ : หากต้องลงจากรถขณะฝนตกหนัก เช่น เมื่อต้องช่วยเหลือหรือเปลี่ยนยาง การมีอุปกรณ์กันฝนจะช่วยให้คุณไม่เปียกจนไม่สบาย
  6. ถุงมือและผ้าขนหนูผืนเล็ก : ใช้สำหรับเช็ดมือหลังเปลี่ยนยาง หรือหยิบจับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในขณะที่เปียกน้ำ
  7. สายลากรถ : ในกรณีที่รถเครื่องดับกลางทาง และต้องลากเข้าข้างทางหรือลากไปยังจุดที่ปลอดภัย
  8. Power Bank หรือแบตสำรองมือถือ : เพื่อให้คุณสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือหรือเปิด GPS ได้ตลอดเวลา แม้ไม่มีที่ชาร์จในรถ

การมีอุปกรณ์เหล่านี้ติดรถไว้ ไม่เพียงช่วยให้คุณแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้เร็วขึ้น แต่ยังสร้างความอุ่นใจทุกครั้งที่ออกเดินทาง โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่อะไรก็เกิดขึ้นได้

หมดกังวลช่วงหน้าฝน! ตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ เพิ่มความปลอดภัยที่ศูนย์บริการ SaveTyre

หากคุณไม่แน่ใจว่าสภาพรถของคุณพร้อมรับมือกับหน้าฝนหรือยัง แนะนำให้นำรถเข้า ตรวจเช็คสภาพรถ อย่างละเอียดกับผู้เชี่ยวชาญ ที่ ศูนย์บริการ SaveTyre ที่ให้บริการเช็คสภาพยาง ระบบเบรก และจุดสำคัญต่าง ๆ เพื่อให้คุณขับขี่อย่างมั่นใจตลอดหน้าฝน

การขับรถในหน้าฝนอาจเผชิญกับความเสี่ยงมากกว่าที่คิด ทั้งถนนลื่น น้ำท่วมฉับพลัน หรือปัญหาเครื่องยนต์จากความชื้น แต่คุณสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ด้วยการ ตรวจเช็คสภาพรถ อย่างละเอียดตามเช็กลิสต์ 8 จุดสำคัญ รวมถึงหลีกเลี่ยงการจอดรถในจุดเสี่ยงต่าง ๆ และเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินไว้ให้พร้อมทุกครั้งที่ออกเดินทาง เพราะอุบัติเหตุไม่เคยแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่ความพร้อมสามารถช่วยให้คุณปลอดภัยได้เสมอ หากไม่มั่นใจว่ารถพร้อมลุยฝนหรือยัง แนะนำให้นำรถเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพที่ศูนย์บริการ SaveTyre เพื่อความมั่นใจในทุกเส้นทางของหน้าฝน