ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นนักขับขี่ที่ใช้รถยนต์อยู่บนเส้นทางใกล้หรือไกล และไม่ว่าจะขับด้วยความเร็วเท่าไหร่ ความปลอดภัยในการขับขี่คือส่วนที่ต้องคำนึงถึงก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เรียกว่าการ ‘ตั้งศูนย์’ (Wheel Alignment) และ ‘ถ่วงล้อ’ (Tire Balance) ที่มีผลโดยตรงต่อการควบคุมยางรถยนต์ให้วิ่งในสถานภาพที่เสถียรเสมอเป็นสิ่งที่ต้องรู้ บทความนี้ SaveTyre จะพาไปรู้จักทั้งสองสิ่งนี้แบบละเอียดยิบพร้อมกัน เริ่มต้นใส่บทความที่นี่
การตั้งศูนย์ ถ่วงล้อคืออะไร และมีความแตกต่างกันอย่างไร
อันดับแรกสำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าการตั้งศูนย์และถ่วงล้อสำคัญอย่างไร ยกตัวอย่างเหตุการณ์ง่าย ๆ ถ้าเคยขับรถแล้วรู้สึกว่ารถมันสั่น ๆ ใช้งานสักพักแล้วรู้สึกว่ารถกินน้ำมันมากกว่าปกติ รถกินซ้ายหรือขวามากจนเกิน ไป จนถึงยางสึกเร็วเกินไปรึเปล่า นั่นแสดงว่าทั้งสองส่วนนี้ของรถยนต์กำลังมีปัญหาอยู่
🛞 การตั้งศูนย์ (Wheel Alignment) : การตั้งศูนย์มีความหมายถึงการปรับระบบกันสะเทือนของรถที่เชื่อมโดยตรงกับล้อทั้ง 4 อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ให้ความสำคัญกับมุมของล้อที่สัมผัสกับถนนโดยตรง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับระบบกันสะเทือนแต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับยางรถยนต์ และจะส่งผลโดยตรงต่อการให้รถวิ่งตรงไม่เบี้ยวไปทางใดทางหนึ่ง ไปจนถึงการเข้าโค้งที่มีความปลอดภัย
🛞 ถ่วงล้อ (Tire Balance) : ถ่วงล้อ ก็คือการชดเชยความไม่สมดุลของน้ำหนักในชุดยางหรือล้อ เพื่อให้ล้อสามารถหมุนได้อย่างสมดุล ไม่เกิดการแกว่งและสั่นสะเทือน การถ่วงล้อจะใช้ตะกั่วถ่วงน้ำหนักติดไปตามจุดเพื่อสร้างความสมดุลให้ล้อรถหมุนได้อย่างเสถียร โดยจะสามารถทำได้ทั้งหมด 2 วิธี 1.การถอดล้อถ่วงด้วยเครื่อง 2.การถ่วงล้อจี้แบบไม่ต้องถอดล้อ
ความแตกต่างระหว่าง ตั้งศูนย์ vs ถ่วงล้อ : เล่าไปแบบนี้หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าทั้ง 2 อย่างนี้ต่างกันอย่างไร สรุปง่าย ๆ เลย ‘การตั้งศูนย์’ คือการปรับมุมล้อให้อยู่ในองศาทิศทางเดียวกัน ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่งเพื่อสร้างความบาลานซ์ที่ดีขณะขับ แต่ ‘ถ่วงล้อ’ คือการตั้งให้น้ำหนักของล้อและยางกระจายเท่ากัน ให้ล้อรถหมุนได้แบบเสถียร ไม่มีสั่นสะเทือน ยืดอายุการใช้งานของยาง และสามารถขับขี่ได้แบบมั่นใจ
ความสำคัญของการตั้งศูนย์
ทันทีที่ล้อทั้ง 4 ของรถยนต์ไม่ได้ถูกตั้งศูนย์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง มาซึ่งการสั่นจากการรับแรงกระแทกแบบที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้ยางสึกเร็วกว่าปกติหากไม่ได้หมั่นตรวจเช็ค และเมื่อยางสึกไม่เท่ากันก็อาจทำให้เกิดความอันตรายระหว่างการขับขี่ได้อีกต่างหาก
ความสำคัญของการถ่วงล้อ
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากยางทั้ง 4 ล้อเกิดการสึกหรอไม่เท่ากัน ก็จะส่งผลต่อให้การกระจายน้ำหนักของรถเสียสมดุลทันที นำมาซึ่งอาการสั่นสะเทือนที่ไม่ปกติ เพื่อให้เราสามารถบังคับรถได้ดั่งใจ รถไม่มีเสียศูนย์และยางสึกจนถึงกับต้องเปลี่ยนกลางทาง การหมั่นเช็คว่าควรจะต้องศูนย์และถ่วงล้อได้เมื่อไหร่จึงสำคัญ
สัญญาณที่บ่งบอกว่ารถต้องทำการตั้งศูนย์🚘
พวงมาลัยเอียงออกจากศูนย์กลางไปข้างใดข้างหนึ่ง : สัญญาณแรกที่สังเกตได้ชัดเจนเลย ถ้ารถพวงมาลัยกินซ้ายหรือขวามากเกินไปขณะที่เรากำลังขับทางตรงอยู่ล่ะก็ หมายความว่าศูนย์ล้อผิดปกติส่งผลไปถึงองศาของล้อหน้าทำให้เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
ดอกยางสึกก่อนเวลาอันควร : เบสิกของการตรวจสอบอายุยางคือเช็คที่ดอกยาง และเมื่อเช็คแล้วพบว่าตอนจะเปลี่ยนดอกยางมันสึกหรอไม่เท่ากัน ก็มีความเป็นไปได้ว่าศูนย์ล้อเริ่มจะเอียงแล้ว
เมื่อเกิดอุบัติเหตุทำให้บริเวณล้อรถได้รับความเสียหาย : สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงขณะขับขี่คือการขับไปตกหลุมถนนหรือชนเข้ากับสิ่งกีดขวาง เพราะนั่นหมายถึงว่าศูนย์ล้อที่เราต้องค่ามาจะได้รับการกระทบกระเทือนไปด้วย
สัญญาณที่บ่งบอกว่า ต้องทำการถ่วงล้อ
ขณะขับขี่รถยนต์มีอาการสั่น : กฎของรถยนต์ที่มีอาการสั่น ให้สันนิษฐานว่าถ่วงล้อหน้ามีปัญหาก่อนเลย เพราะว่าล้อหน้ากับล้อหลังของเราอาจจะกำลังเสียสมดุลอยู่ก็เป็นได้
ยางรถยนต์เสียสมดุล : เมื่อน้ำหนักของล้อที่ไม่เท่ากันเพราะว่าการสึกของยาง หรือน้ำหนักของล้อรถลงเพราะขอบล้อได้รับการกระแทกจากการตกหลุมมา ไปจนถึงการจอดรถนาน ๆ ไม่ได้รับการขยับจนสมดุลของล้อเสีย เหล่านี้เป็นสัญญาณว่าต้องไปถ่วงล้อได้แล้ว
การสึกหรอของยางรถยนต์ที่มีผิวไม่สม่ำเสมอ : กลับมาที่เรื่องของการสั่นสะเทือนของรถยนต์เพราะว่าผิวของยางสึกหรอแบบไม่สม่ำเสมออีกครั้ง สิ่งนี้คือส่วนสำคัญที่รถบอกกับคุณว่าจำเป็นต้องได้รับการถ่วงล้อแล้ว